วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

CERAMIDE

เซราไมด์ ... เกราะป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว เพื่อผิวแข็งแรงนุ่มชุ่มชื้น
ผิวที่แห้งกร้านก็เปรียบเหมือนผิวดินที่แตกระแหงเนื่องจากการขาดน้ำ ซึ่งหลายๆคนโดยเฉพาะสาวๆ คงไม่อยากให้ผิวพรรณของตัวเองแห้งกร้านแน่นอน แต่ปรารถนาที่จะมีผิวพรรณที่แข็งแรงแรง นุ่มชุ่มชื้นกันมากกว่า วันนี้ก็มีเรื่องดีดีของตัวช่วยที่สามารถทำให้ผิวของเราแข็งแรงแรง นุ่มชุ่มชื่นมาฝากกัน นั่นคือ "เซราไมด์"
ทำความรู้จัก "เซราไมด์" (Ceramide)
"เซราไมด์" เป็นสารจำพวกไขมัน หรือ ไลปิดชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า สฟิงโกไลปิด (Sphingolipid) โดยเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ (Cell Membrane) ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องเซลล์จากสิ่งแปลกปลอมภายนอก
"เซราไมด์" ถูกพบได้ที่ผิวชั้นบนของหนังกำพร้า (Epidermis) โดยสร้างขึ้นภายในเซลล์ผิว (Keratinocyes) และปล่อยออกมาเมื่อเซลล์ผิวเคลื่อนที่่สู่ผิวชั้นบน
"เซราไมด์" จึงเป็นสารตามธรรมชาติที่แทรกอยู่ระหว่างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวชั้นบนสุด
"เซราไมด์" เชื่อมเคราตินให้เรียงตัวกันเป็นระเบียบส่งผลให้ผิวทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวแห้งกร้าน ไม่สดใสอีกด้วย
หน้าที่ของ "เซราไมด์" ในผิว
 เป๊นตัวเชื่อมให้เคราตินซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวชั้นบนสุด ให้เรียงตัวกันอย่างมีระเบียบ
 ช่วยให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวและร่างกายจากการคุกคามของเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม
 ช่วยให้ผิวกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียน้ำของผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง ช่วยลดการสูญเสียการอุ้มน้ำตามธรรมชาติ (Natural Moisturizing Factor หรืแ NMF)
 ลดการสังเคราะห์เมลานิน หรือ เม็ดสีผิว ทำให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้น
ผิวแห้งเสียเพราะขาด "เซราไมด์" เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจาก
 พันธุกรรม มีผิวแห้งแต่กำเนิด
 การที่มีอายุมากขึ้น ฮอร์โมนลดลงจึงเป็นธรรมดาที่เซลล์ผิวจะทำงานและผลิต "เซราไมด์" ได้น้อย
 อีกทั้งปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด ความเครียด ก็เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญในการทำให้เซลล์ผิวทำงานและสร้าง "เซราไมด์" ได้ลดลง
 นอกจากนี้การลดลงของระดับ "เซราไมด์" ในผิวยังพบได้ในผู้ป่วยโรคผิวหนังบางชนิด เช่น
- โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)
- โรคผื่นแพ้จากการสัมผัส (Contact Dermatitis)
- โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
4 สัญญาณบ่งบอกว่าผิวขาด "เซราไมด์"
 ผิวแห้งกร้าน ผิวแตก
 ผิวแห้งตึงหลังอาบน้ำ แม้จะใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว หรือ น้ำเปล่าก็ตาม
 ผิวมีริ้วรอย ไม่เรียบเนียน เนื่องจากผิวขาดน้ำ
 ผิวแพ้ง่าย
ผลเสียจากการขาด "เซราไมด์"
 ทำให้เคราตินเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ
 ทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดอาการแพ้ และ ติดเชื้อได้ง่าย
 ทำให้ผิวแห้งตึง แตกลาย ไม่สดใส
 ทำให้ผิวมีริ้วรอย ร่องลึก
ทำอย่างไรให้ผิวไม่ขาด "เซราไมด์"
"เซราไมด์" มีอยู่ทั่วไปในอาหารหลายชนิด และ มีมากในอาหารจำพวกข้าว อย่างไรก็ตามการับประทานข้าวในปริมาณมากๆอาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความจำเป็น ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้นการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มี "เซราไมด์" เป็นส่วนประกอบโดยตรงจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ผิวชุ่มชื้น ... สมบูรณ์แบบ
แน่นอนที่สุดว่าผิวขาด "เซราไมด์" ไม่ได้ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและคงไว้ซึ่งผิวอ่อนเยาว์ แต่จะดีที่สุดหากเราได้รับสารอาหารอื่นๆที่มีคุณประโยชน์กับผิวควบคู่ไปด้วย เช่น คอลลาเจน กรดอัลฟาไลโปอิก และ ไนอะซิน เพื่อการทำงานที่เต็มประสิทธิภาพของเซลล์ผิวช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น เรียบเนียนสมบูรณ์แบบ
รู้หรือไม่!
"เซราไมด์" ไม่ทำให้ผิวมัน! เนื่องจากสาเหตุหลักของผิวมันมาจากการทำงานของต่อมน้ำมัน (Sebaceous Gland) ที่มากเกินไป ต่อมน้ำมันซึ่งอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ จะผลิตน้ำมันออกมาสู่ท่อลำเลียงน้ำมันและปล่อยออกมาบนผิวชั้นหนังกำพร้า ทำหน้าที่เคลือบผิวไว้
ดังนั้นน้ำมันที่เคลือบอยู่บนผิว กับ "เซราไมด์" จึงเป็นสารจำพวกไขมันต่างชนิดกัน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การรับประทาน "เซราไมด์" จึงไม่ส่งผลให้ผิวมันขึ้น


ราคากล่องละ 720 บาท( 30 แคปซูล )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น